วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมในช่วงวันหยุด


กิจกรรมในช่วงวันหยุด
            ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ฝึกปฏิบัติจบแล้ว ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจอยู่ช่วยงานชุมนุมครูคำสอน โดยการช่วยเตรียมงาน เตรียมการแสดง ขายของ และตักอาหาร จนกระทั่งจบงานข้าพเจ้าจึงได้เก็บสัมภาระและเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
            ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ที่บ้าน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้นิ่งดูดายต่องานภายในบ้าน แต่ได้ใช้เวลานี้ในการทำหน้าที่ที่บุตรพึงกระทำต่อบิดามารดาเป็นอย่างดี และไม่ได้ละเลยต่องานส่วนตัวที่ข้าพเจ้าได้รับมอบให้กระทำในช่วงปิดเทอมอีกด้วย
เมื่อเปิดเทอมข้าพเจ้าได้ตัดสินใจลาเรียนต่อ เพื่ออยู่ร่วมพิธีเสกสุสานร่วมกับครอบครัวและคนในหมู่บ้านของข้าพเจ้า หลังจากเสร็จพิธีแล้วข้าพเจ้าจึงได้เดินทางกลับสามพราน เพื่อทำการศึกษาต่อในเทอมที่ 2 ของปีการศึกษา 2555




ประวัติของข้าพเจ้า


                ข้าพเจ้ามีนามว่า “นางสาวพัชรีภรณ์  พานิช” หรือเรียกสั้นๆว่า “น้องๆ” สาเหตุที่ข้าพเจ้ามีนามดังกล่าวข้างต้นคือ “พัชรีภรณ์” คนข้างบ้านของข้าพเจ้าเป็นผู้ตั้งให้ ส่วน “พานิช” บิดาของข้าพเจ้าเป็นผู้มอบให้ข้าพเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก และนามว่า “น้องๆ” นั้น เหตุก็เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นบุตรคนสุดท้องของบิดาและมารดาของข้าพเจ้า ดังนั้นทุกๆคนในครอบครัวของข้าพเจ้าจึงเรียกข้าพเจ้าว่า “น้องๆ” และจากการเลี้ยงดูของบิดา มารดา และบรรดาพี่ๆของข้าพเจ้า จึงส่งผลให้ข้าพเจ้าออกมาเป็นเด็กที่หน้าตาดีเลยทีเดียวก็ว่าได้ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่เป็นจุดเด่นของของข้าพเจ้า แต่ก็อย่างว่านั่นแหละมีจุดเด่นก็ต้องมีจุดด้อยเป็นธรรมดา คือ ข้าพเจ้าหน้าตาดี แต่ดันตัวเตี้ยไปหน่อยนี่ซิปัญหา แต่ก็ช่างมันปะไร ข้าพเจ้าชินแร้วซะอย่างจะมีสิ่งใดมาทำอันตรายข้าพเจ้าได้ 555 และตลอดช่วงชีวิตของข้าพเจ้าที่ผ่านมา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าดี และอีกหลายๆอย่างที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่ดีเลยสำหรับตัวของข้าพเจ้าเอง แต่บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงเรื่องดีๆของข้าพเจ้าว่า เมื่อครั้งข้าพเจ้ายังเยาว์วัย ข้าพเจ้ายังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อไปร่วมฟังมิสซาที่วัดเป็นประจำทุกวัน ในตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็คิดอย่างเด็กๆ และการกระทำเมื่อครั้งยังเด็กของข้าพเจ้าเองนี่แหละเป็นสิ่งที่ติดตัวข้าพเจ้าจวบจนเท่าทุกวันนี้

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คิดถึง



เคยมั๊ย เมื่อคุณคิดถึงใครบางคน คุณรู้สึกทรมาน เพราะคุณคิดไปว่า 
เขาคนนั้น อาจจะไม่ได้คิดถึงคุณอยู่ ถึงแม้วาการได้คิดถึงใครซักคนนั้น 
จะเป็นทุกข์บ้าง แต่ก็ชุ่มชื่นหัวใจ ทำให้คุณต้องมานั่งคิดกระวนกระวายว่า
คุณมีความหมายสำหรับเขาบ้างหรือเปล่านะ เขาจะแคร์คุณบ้างไหมนะ 

คุณจะรีบรับโทรศัพท์ทันที เพราะคิดว่า อาจเป็นเขาคนนั้น 
คุณมองออกไปนอกหน้าต่าง 

เพราะคิดว่า เขาอาจจะปรากฎตัวอยู่ที่นั่น คุณนั่งอยู่หน้าทีวี แต่จิตใจ
กลับคิดถึงเขาคนนั้นจนทำให้พลาดตอนอวสานของละครเรื่องโปรด 
คุณเอนกายลงบนเตียงก็พลันคิดถึงช่วงเวลาที่ไปไหนต่อไหนด้วยกัน 

คุณคิดถึงแต่ว่า เราคงจะได้มานั่งมองดาวด้วยกันอีก คุยกันทุกเรื่อง 
ไม่ว่าจะเป็นความฝัน หรืออนาคต คุณออนไลน์อินเตอร์เน็ท 
เพื่อหวังจะได้พบเขา และก็เริ่มวิตกกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรไป
หรือเปล่าเมื่อเขาไม่ได้ออนไลน์ หรือตอบกลับมา 

การได้คิดถึงใครบางคน เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้คุณเติบโต 
และได้สัมผัสกับความเปลี่ยวเหงามันสอนให้คุณเรียนรู้ที่จะ
อยู่ร่วมกับความอ้างว้าง และทำให้คุณรู้จักอีกความรู้สึกหนึ่ง 
นั่นคือ ความว่างเปล่า 

บางครั้ง มันก็รู้สึกดีนะ ที่ได้คิดถึงใครซักคน เพราะมันทำให้คุณรู้ว่า
คุณใส่ใจใครคนนั้น และคุณปล่อยใจที่จะสัมผัสความรู้สึกรักและใส่ใจที่มีเขา 

แต่ในขณะเดียวกัน การที่คิดถึงใครคนนั้น โดยที่เราไม่รู้ว่า 
เขารู้สึกเหมือนเราหรือเปล่า ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานเหลือเกิน 
และคุณกลับรู้สึกว่า คุณถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง 

ดังนั้น หากคุณคิดถึงใคร จงบอกให้เขาได้รับรู้บ้าง และเช่นเดียวกัน 
ถามเขาซิว่า เขารู้สึกอย่างเดียวกันหรือเปล่า อย่าปล่อยให้ความรู้สึกคิดถึง 
เปลี่ยนแปรเป็นความอิจฉา หรือความหวาดระแวง 

หากใครคิดถึงคุณ และคุณรับรู้ จงบอกเขาเถิด ว่าคุณรับทราบแล้ว 
หากคุณคิดถึงเขาตอบ ก็จงบอกเราเช่นกัน อย่าให้เขา....รอ....เลยนะ 
เป็นงัยบ้าง ? คุณเคยมีความรู้สึกอย่างนี้บ้างมั๊ย......